บอกก่อนนะครับ ทริปนี้เป็นทริป “ย้อนวันวาน” แต่ละสถานที่อาจจะบอกรายละเอียดได้ไม่ครบนะครับ ดังนั้นผมต้องอภัยด้วยสำหรับคนที่เข้ามาอ่านแล้ว เกิดอาการ งงๆ ต้องขออภัยด้วยนะครับ (แต่อยากให้อ่านให้จบ แล้วนึกภาพตามไปด้วย 🙂 )
อยากจะบอกจริงๆแล้ว ผมทำทริปย้อนวันวานหลายครั้งแล้ว แต่บอกตรงๆ ไม่มีครั้งไหนที่เก็บรายละเอียดได้เยอะเท่าครั้งนี้มาก่อน ครั้งได้ไปทั่ว และเกือบทุกที่ที่เคยไปอยู่ เคยไปเที่ยง เคยมีความสุข เอาหล่ะ เริ่มกันเลยนะครับ
เตรียมตัว
ที่จริงจะไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วหล่ะครับ สำหรับทริปนี้ แต่ต้องเลื่อนเพราะว่า “ตื่นสาย” (เหตุผลงี่เง่ามาก) เลยต้องเปลี่ยนมาไปวันนี้แทน เอาหล่ะ วันนี้ตื่นเช้าครับ ประมาณ 8 โมงก็ตื่นแหละ จากนั้นก็ลงมาทำธุระส่วนตัว แม่ทิ้งผ้าไว้ให้ 1 กอง ก็ตากเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็เริ่มเตรียมของครับ ผมจะพูดถึงอุปกรณ์ที่จะเป็นเพื่อนเดินทางในครั้งนี้เป็นหลักนะครับ โดยสิ่งสำคัญคือ “iPod Touch 4” อุปกรณ์ถ่ายภาพของผม เรามาดูรูปของมันก่อนออกเดินทางกันเลยครับ
จะเห็นได้ว่าแบตนั้นลดลงไปแล้ว เนื่องจากการเล่นของผมเองแหละเมื่อเช้า ทำให้ผมต้องหาทางแก้ปัญหาให้มัน เพราะรับรองว่า ถ้าเอาไปทั้งสภาพที่ไม่มีแบตสำรอง มีหวังหมดกลางทางแน่ๆ เอาหล่ะ ผมก็ไม่มี PowerBag อะไรหรอกนะ แต่ผมมีนี่
“MacBookPro” ตอนนี้ผมเชื่อว่า มีบางคนเริ่มพูดแล้วว่า “มรึงจะเอามาทำอะไรว่ะ แป๊บเดียวเด่วก็หมดแล้ว” อิอิอิ แต่คงไม่มีใครรู้ความลับของระบบของมัน มันสามารถทำเป็น “ที่ชาร์ด iDevice ได้” ให้คุณลองทำการเสียบ iPod หรือ iPhone ลงไปก่อน แล้วพับหน้าจอลงมา เครื่องจะเริ่ม Standby แต่ยังมีไฟเลี้ยง iDevice ของเราอยู่ นี่แหละครับ ความลับของมัน เด่วเรามาดูกัน ว่า MacBookPro ของผม จะเหลือแบตเท่าไหร่ เอาหละ เราเริ่มเดินทางกันเลย
เริ่มเดินทาง
ตาแกอาสาไปส่ง แต่ก็ส่งได้ไม่ถึงที่ แกไปส่งได้ครึ่งทางได้มั่ง หลังจากนั้นผมก็ต้องรอรถ ด้วยความร้อนมากๆ ไม่นึกว่า พัทลุงที่ฝนตกๆ จะร้อนได้ขนาดนี้
หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที รถก็มาครับ (รอดตัวไป) แล้วก็เข้ามาในเมือง เพื่อต่อรถตู้ไปยังหาดใหญ่ แต่เหมือนโชคจะเข้าข้างผมนะ เพราะผมไปปุ๊บ รถออกปั๊บ ตอนนั้นมีคนอยู่ที่คิวอยู่แค่ 2 คนแค่นั้นครับ โดยผมเลือกเดินทางโดยรถตู้ครับ
โดยถึงหาดใหญ่ประมาณ บ่ายโมง (ถือว่าเร็วครับ เพราะผมหลับไม่ได้สักเท่าไหร่เลย 55) ผมลองตรงตลาดกิมหยงครับ ทริปนี้ จึงเริ่มต้นขึ้นที่นี่ครับ
ก่อนถึงลี การ์เด้น
บอกตรงๆนะ ว่าตอนนั้นลืมไปหมดแล้ว ว่าเดินจากกิมหยงไปลีฯ มันเดินไปทางไหน เอาว่ะ เลยเดินไปเรื่อยๆ โชคเข้าข้างอีกครั้ง เดินไปถูกทางเรา ผ่านโอเดียน ที่ๆเมื่อตอนสงกรานต์ ผมกับเพื่อนๆ มาดูคอนเสิร์ต “Big Ass” ที่ตรงนี้ ในวันสงกรานต์ของหาดใหญ่ ตอนนั้นโครตสนุกมากๆ และเป็นครั้งเดียว ที่ได้ไปสงกรานต์หาดใหญ่ จากนั้นก็ไม่ได้ไปอีกเลย
ลี การ์เด้น
ก่อนเดินถึงลีฯ ผมจำได้นะ ว่าก่อนที่ลีฯ มันจะโดนระเบิด สีของตัวอาคารมันไม่ได้เป็นสีฟ้านะ (หรือไม่ผมจะจำไม่ได้ซะเอง) ไม่เป็นไร ยังไงๆ ก็ถ่ายเก็บมาให้ดูกัน
เอาหล่ะ ผมก็เดินมาเรื่อยๆ สังเกตุอะไรต่อมิอะไรรอบๆข้าง ก็ไม่พบว่ามันจะแตกต่างจะเมื่อก่อน มากนัก หลังจากการระเบิด ผมถือว่า ลีฯ ทำได้ดีนะ เพราะว่าสามารถที่จะลุกขึ้นมายืนได้ใหม่ โดยใช้เวลาไม่นานมาก และก็ทำได้ดีเลยหล่ะ หลังจากนั้นผมก็เดินเข้าไปใน ลีฯ
เจอ รปภ. สองคน รอค้นกระเป๋าอยู่ เค้าไม่ขอของผมตรวจนะ (สงสัยต้องทำพิรุตซุกระเบิดก่อน แล้วจะมาตรวจ 555) อ่อ อย่าลืมว่าเค้าก็จัดกิจกรรมต้อนรับปีใหม่กับคริสมาตร์เหมือนกันนะ
ผมก็ไม่รอช้าครับ ตรงเดินเข้าไปชั้น 2 เพราะเป็นชั้นที่ผมชอบเดินที่สุดแล้วในลีฯ แต่ก็ต้องพบกับการทำใหม่ของลีฯ ซึ่งทำให้ผมเช้าใจผิดเลย นึกว่าผมเดินอยู่ใน Terminal21 เพราะว่ามันเหมือนกับส่วนหนึ่งของ terminal21 มากๆ
เดินเข้าไปลึกๆ ก็ได้รู้ครับว่า Zone นี้อาจจะเพิ่งมีโครงการทำขึ้นมาใหม่ สังเกตุจากร้านบางร้าน ยังติดตั้งอุปกรณ์ + เอาของมาลงไม่เรียบร้อยเลย
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เรียบร้อยซะทุกร้านนะครับ เพราะว่าบางร้านก็เปิดขายตามปกติไปแล้ว มันก็เป็นตลาด Handmake เหมือนเดิมนั้นแหละครับ แต่มีการปรับปรุงใหม่ ให้ดูดีขึ้น ดูทันสมัยขึ้น และที่ผมว่า มันยิ่งเหมือน Terminal21 ขึ้นทุกที เพราะว่า “น้ำพุตรงใจกลาง” นี่แหละ
มันทำให้นึกถึง Terminal21 มากๆ แต่ไม่เป็นไร เดินไปเดินมาเรื่อยๆ ลืมสังเกตุตรงทางเข้า ว่ามีการตั้งชื่อ Zone เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย Zone นี้จะถูกตั้งชื่อว่า “ลี สแควร์”
ผมขึ้นไปเดินทุกชั้นนะ แต่ว่าบอกตรงๆว่า บล็อกว่างเยอะมากๆ เพราะว่ายังไม่มีร้านติดต่อเข้ามาเช่าเลย ยังดูโล่งๆอีกหลายชั้น โดยเฉพาะชั้นเป็น ฟูดคอร์ด ยังเหมือนเดิมเดะๆเลย
ลงมาอีกชั้นครับ คราวนี้ผมกะจะเข้าไปเดินเล่น ในร้าน iStudio ตามประสาผมอ่ะนะ เพราะว่าไม่ว่าจะไปห้างไหน ที่ไหนมี iStudio หรือ iBeat ผมเป็นอันต้องเข้าไปเล่นทุกที ผมเดินดูของอยู่ดีๆ ก็มีผู้ชายคนนึง เดินมาหาผม พูดกับผมว่า “น้องต้นสวัสดีครับ” ผมก็หันไปดุหน้าพี่เค้า แล้วทำหน้างงๆ บอกกลับไป “สวัสดีครับ” เค้าถามผมต่อ “น้องจำพี่ได้ไหม” ผมก็นึกไปเรื่อยๆ นึกไปนึกมา แล้วคิดในใจ “กูไม่เคยเห็นหน้านี่หว่า หน้าไม่คุ้นเลย” จนกระทัง เค้าต้องเปิด Facebook ตัวเองให้ดู ผมถึงกับร้อง “อ๋อ” เลยหละ เพราะเค้าคือ Best’z Saharat เรียนวิศวะคอมฯ อยู่ที่ มอ. หาดใหญ่นี่เอง และไม่ใช่แค่นั้นครับ พนักงานเกือบทั้ง iStudio ก็แห่เข้ามาทำความรู้จัก ส่วนมากผมไม่ได้รุ้จักเค้าหรอก แต่เค้ารู้จักผม ผมก็อึ่งๆ นะ เพราะว่าตั้งแต่อยู่มา ไม่มีใครมาทักแบบนี้เลย 5555 เสียดายมากที่ไม่ได้เก็บรู้ไว้เลย เพราะไม่กล้าถ่าย 5555 ต้องขอขอบคุณพี่ๆพนักงาน iStudio สาขาลีฯ การ์เด้นหาดใหญ่ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ เด่วถ้ามีโอกาสจะแวะเวียนไปอีก
อ่อ เกือบลืม ลีฯ เค้ามี WiFi ฟรี ไม่ต้อง Login ให้ใช้งานด้วยนะครับเนอ
หลังจากนั้นผมก็ลงไปชั้นล่างสุดของลีฯ บอกตรงๆ ตอนนี้มันเริ่มจะสมบูรณ์แล้ว ขายของทั่วไป โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ จะขายอยู่ชั้นนี้ครับ แต่มันก็ยังดูโล่งๆ อยู่ดี
ฉื่อฉาง
เอาหละ ผมก็ออกมาจาก ลีฯ แล้วมุ่งหน้าต่อไปยังเป้าหมายต่อไป โดยเข้าไปในเขตของ ฉื่อฉาง โดยเดินผ่าน “วัดฉื่อฉาง” วัดที่เพื่อนผมบอก ทำผมจะตกเครื่องบินเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เนื่องจากผมเข้าใจผิดของผม และการสื่อสารไม่รู้เรื่องของเพื่อน แต่ก็ผ่านมันมาได้ 🙂
หลังจากนั้นก็เดินต่อไปยัง “ร้านน้ำสมุนไพรเจ๊เอียด” บอกตรงๆครับ อร่อยมากๆ แนะนำเลย ใครที่ไปหาดใหญ่ต้องไปกิน เพราะว่ามันอร่อยและหากินไม่ค่อยได้จริงๆ อ่อ ลืมไป ข้างๆ ร้านนั้น ถูกแปรรูปให้กลายเป็นร้าน 7-11 ไปแล้ว
นะ (เมื่อก่อนจำไม่ได้แหละ ว่าเป็นอะไร)
ผมก็ไม่ลื่มที่จะจัดมาสักขวดมาดื่น ผมเลือกดื่ม “น้ำนมข้าวโพด” ขวดนั้นจะเป็นขวดเล็กๆ ราคา 10 บาท หวานอร่อยมาก ไม่เคยเปลี่ยน สมัยที่มาเรียนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว บอกตรงๆว่ากินเกือบทุกวัน
มังกรซ่าดอทเน็ต
นี่คือจุดสำคัญของทริปนี้ เพราะถ้าขาดทีนี่ ก็ไม่ใช่ทริปย้อนวันวาน เพราะว่า “มันเป็นที่ที่พวกเราอยู่กับมัน เยอะว่าหอตัวเองซะอีก” ตอนนี้ที่นี้เปลี่ยนไปเยอะมากๆครับ เปลี่ยนคอมพิวเตอร์ใหม่ เปลี่ยน Internet ใหม่ เด็กก็เล่นแต่ HON กับ DotA2 ไม่เหมือนสมัยพวกเรา ที่ยังเล่น DotA1 อยู่เลย แล้วตอนนี้เจ้ยูมิ Yumi Jung แก่ซื้อ iPhone 5 ใช้แล้ว!! แล้วว่ากิจการดีวันดีคือจริงๆร้านนี้
ผมเลยช่วยอุดหนุนแกไป 30 นาที เพราะว่าอยู่นานไม่ได้ เด่วไม่ได้ไปที่อื่นต่อ
โรงเแรมหาดใหญ่กรีนวิวล์
ผมไม่ขอพูดอะไรกับที่นี่มากนะ เพราะว่าไม่อยากดราม่า อีกอย่างก็ไม่ค่อยได้มาอยู่แล้ว นานๆจะมาที ส่วนมากจะมาเพื่อนที่พักอยู่ที่นี่ อันนี้ผมไม่ได้เดินเข้าไปนะครับ เดินผ่านๆ เฉียดๆเฉยๆ อ่อ ร้านน้ำแข็งใสข้างๆ ยังอยู่นะ 🙂
โรงแรมเอสซี เฮอริเทช
แฮะๆ ประเด็นมันอยู่ที่นี่ครับ โรงแรมนี้เลย ที่ซุกหัวนอนของพวกเรา จะเรียกว่าโรงแรมก็ไม่ใช่นะ เพราะว่าไม่มีสวนไหนที่เรียกว่าโรงแรมได้เลย เมื่อก่อนเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น ไม่เปลี่ยน ไม่ซ่อม ไม่บูรณะ มันอยู่ยังไงก็ให้มันอยู่อย่างนั้น (ไม่รู้ว่าเด่วนี้ ยังมีเหตุการณ์น้ำไม่ไหล 3 วัน 3 คืนอยู่อีกไหม 5555) ที่ตรงนี้แหละ ทำให้ผมได้รู้จัดเพื่อนเยอะมากขึ้น และเป็นความทรงจำที่ดีในเวลานึงเลยหละ
ร้านของกิน ระหว่างเดินไปเรียน
แน่นอนว่าระหว่างทางไปเรียน ก็ต้องมีของกินครับ อันดับแรกเลย “ข้าวแกง” หน้าปากซอยของทางเข้าโรงแรงจะมีข้าวแกงอยู่ ราคาถูกมากๆ อร่อยด้วย สมัยพวกเราไปอยู่ ต้องรีบลงมากินก่อนบ่าย 2 เพราะว่ากับข้าวจะหมด แต่ตอนที่ผมเดินอยู่ ประมาณบ่าย 2 กว่าๆแล้ว ยังเหลือกับอีกเยอะเลย เพราะว่าเด็กที่มาเรียนมั่ง ทำให้กับข้าวนั้นหมด อย่างรวดเร็ว 🙂
ต่อมา ใครที่ไปเรียนพิเศษหาดใหญ่ ต้องรู้จักร้านของลุงคนนี้ครับ ลุงคนนี้ขายน้ำปั่นตรงระหว่างทางเดินไปยังอาคารเรียนของในหลายๆที่ ราคาถูกและอร่อยมากๆ แม้หน้าตาคนขายจะไม่ค่อยเป็นมิตรก็เหอะ ลุงแกจะชอบพูดแนวขู่ๆ เสียงเข้มๆว่า “เอาอารายยย” แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้วครับ ลูกแกพูดเสียงเบาลง ไม่ขู่เหมือนเมื่ก่อน
ผมไปสั่งมากิน บอกตรงๆ ว่าไม่รู้จะสั่งอะไร เหลือบไปเห็นเมนูเขียนเอาไว้ เลยสั่ง “โอวัลติน ครันชี่” เสียตังไป 15 บาท แต่ก็คุ้มและอร่อยไม่มีเปลี่ยนเลยครับ
หลังจากนั้นก็เดินไปเรื่อยๆ เชื่อไหมว่าผมไม่ไปเฉียดที่เรียนเลย เพราะว่ารุ้ๆกันอยู่แล้ว ว่าพวกเราไปเรียน ที่เรียนไม่ค่อยสร้างความประทับใจอะไรมาก เท่าที่เที่ยวหรอก คิดว่าจริงไหมหล่ะ
iBeats สาขาโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย
อันนี้ไม่เกี่ยวอะไรหรอก ผมจะเดินไปสยามนครินต์ เลยเข้าไปดูอะไรเฉยๆ ก็ไม่มีอะไรครับ ของมันสู้ iStudio ไม่ได้อยู่แล้ว 🙂
สยามนครินทร์
อันนี้เวลาเหลือ ก็เลยมาเดินหาของเล่นเรื่อยๆ ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่ได้เดินละเอียดทุกชั้น แต่อยากจะบอกว่า ชั้นใต้กินของมัน ปลวกมากๆ ไม่มีอะไรเลย ส่วนมากแล้ว ผมจะโฟกัสไปที่ ชั้น 3 ครับ ตอนนี้บล็อกว่างเยอะมากๆ สำหรับคนที่อยากขายสินค้า IT ลองไปดูกันได้นะครับ
ผมก็เลยไปจัดฟิล์ม iPod มา เพราะของเก่า ไอเพื่อนฟันหนู มันเอาไปเฉาะหมดแล้ว เลยไปถามว่ามีแบบไหนบ้าง เค้าตอบกลับมาเล่นเอาผมอึ้งไปเลย เพราะมันมีครบ 4 แบบเหมือน iPhone คือ “แบบใส,แบบด้าน,แบบกากเพชร,แบบด้านกันรอยนิ้ว” ปกติผมจะเห็นแต่ 2 แบบแรกเท่านั้น 2 แบบหลังจะไม่เคยเห็น แล้วราคาก็ถูกมาก สองอย่างแรกแค่ 80 บาทเอง ส่วนของผมติดแบบด้านกันรอยนิ้วมา 150 ครับ ก็ถือว่าดี
ในระดับนึงเลย
เดินทางกลับ
เอาหละ เย็นแล้ว ผมก้ได้เวลาเดินทางกลับแล้ว ผมก็ยังคงไว้วางใจใช้บริการรถตู้เหมือนเดิมครับ เพราะราคาพอคุยกันได้ และปลอดภัย และกลับถึงพัทลุงตอน 6 โมงเย็นครับ 🙂
สรุป
เป็นทริปที่คุ้มค่ามากๆครับ เพราะว่าได้อะไรหลายๆอย่าง และได้นึกถึงความทรงจำเก่าๆ ที่บางครั้งอาจจะลางๆไปแล้ว ได้คิดถึง ได้นึกถึงมันอีกครั้งครับ
ก่อนจบ เรามาดูอุปกรณ์ของผมกัน ว่าเป็นไงบ้าง
เห็นได้เลย ว่าแบต หายไป 1 ขีด ซึ่งน้อยมากกับเวลาที่ผมใช้งานทั้งวัน และตอนนี้ที่ผมเขียน blog ตั้งแต่ต้น จนจบ ผมยังไม่ได้เสีย Magsafe เลยครับ
ขอบคุณครับ ที่พยายามอ่านจบ ^_^