ที่จริงอยากเขียนเรื่องนี้ตั้งแต่กลับมาแล้ว แต่ไม่มีเวลาว่าที่จะเขียน (เอาง่ายๆ ขี้เกียจอ่ะ) เอาหล่ะ เดี่ยวจะมาเล่าให้ฟังกัน เพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่ได้ไปเอาตัวรอดในเมืองใหญ่ โดยที่ไม่มีใครไปด้วยเลยสักคน เอาหล่ะ ไปเริ่มกันเลย
ทริปนี้เป็นทริปเร่งด่วนครับ เพราะเนื่องจากว่ามีความจำเป็นที่จะต้องทำการปรับเปลียน Server ตัวหลักของลูกค้า และเปลี่ยนตัวสำรองให้กลับไปทำงานได้ตามปกติ แล้วผมไม่สามารถหาเวลาขึ้นไปแบบยาวๆได้ เลยตัดสินใจ เอาว่ะ! ไปวันเดียวแม่งเลย!
เย็นวันศุกร์ผมตัดสินใจไปจองตั่วรถทัวร์กับแฟนครับ (สาเหตุที่ไม่นั่งเครื่อง เพราะตั๋วราคาแพงม๊ากกกก) โดยออกเดินทางตอนเวลาประมาณ 6 โมงเย็นของวันเสาร์
โดยที่ช่วงบ่ายผมมีเรียน Web Design พอดี เลิกประมาณ 4 โมงเย็น เลยกะว่า “เอาว่ะ” เป้าหมายของผมคือ ถึงกรุงเทพตอน 6 โมงเช้าพอดี เผื่อปรับปรุงระบบเสร็จช้า เลยต้องไปเนิ่นๆ ประกอบกับรุ่นพี่ที่เป็นเจ้าของงานมีธุระช่วงบ่าย เลยต้องรีบหน่อยแหละ
หลังจากขึ้นรถไป ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ เนื่องจากคนไม่เยอะ นั่งสบาย เลยไม่ค่อยมีปัญหาอะไรมากมาย รถนั้นขับเร็วพอสมควรครับ โดยหมายกำหนดการของรถคันที่ผมนั่ง จะถึงกรุงเทพประมาณ 7 โมงเช้า แต่ผมกลับไปถึงหมอชิตประมาณ 6 โมงเช้าครับ ซึ่งเร็วกว่ากำหนด
พอมาถึงหมอชิต สิ่งแรกที่ผมจะทำคืด “มองหารถขากลับ” โดยที่เมื่อตอนที่มากับแม่ครั้งล่าสุด มันสามารถที่จะขึ้นรถที่หมอชิต แล้วลงไปภาคใต้ได้ (ปกติแล้ว เราจะต้องไปขึ้นรถที่สายใต้ครับ ซึ่งไกลมากๆ) เลยลองสอบถามญาติพี่น้องใน LINE แล้วก็ถามประชาสัมพันธ์ดู ก็รู้ว่า “เราสามารถลงใต้โดยขึ้นรถที่สถานีขนส่งหมอชิตได้ครับ” โลงไปเลยครับคราวนี้ ไม่ต้องเสียค่าแท๊กซีไปสายใต้ (แน่นอนว่าแพงมากๆ) แถมรถมีหลายรอบให้เลือกครับ เลยชิวไป
โจทย์ต่อไปของผมคือ “หาสถานีรถไฟฟ้าหมอชิต” เนื่องจากผมไม่เคยรู้เลยว่า ระหว่างขนส่งหมอชิตกับสถานีรถไฟฟ้าหมอชิตมันอยู่ห่างกันเท่าไหร ต้องนั่งรถอะไรไป เอาหล่ะว่ะ เดินไปเดินมาอยู่หลายรอบครับ เปิด Google ดูก็แล้ว ก็ได้ความว่า “มันไม่ได้อยู่ใกล้กันมากนัก ต้องพึ่งแท็กซี่หรือไม่ก็มอไซต์รับจ้าง” เลยเอาว่ะ! เรียกแท็กซี่ครับ โชคดีมากๆครับ พี่แท๊กซี่แกใจดีมากๆ (ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู) แกก็ชวนคุยไปเรื่อยๆ จนถึงสถานีรถไฟฟ้าหมอชิตครับ ค่าเสียหายในการเดินทางประมาณ 43 บาทครับ (พี่แกขับรถไม่เอื่อย ราคาเลยออกมาน้อย) ผมมีแบงค์ใหญ่ ไม่มีทอน พี่แกเลยคิดผม 40 บาท (ขอบคุณมากๆเลยครับ) หลังจากนั้นผมก็เดินขึ้นสถานีรถไฟฟ้าหมอชิตครับ
โจทย์ต่อไปของผมขึ้น “ขึ้นรถไฟฟ้าจากสถานีหมอชิต ไปลงสถานีนานา” อันนี้ไม่ลำบากเท่าไหร่ครับ ดูแผนที่สายรถก็นั่งถูกแหละ (ตัวเองไม่ได้นั่งมา 2 ปีแหละ)
แผนที่การเดินรถของรถไฟฟ้า
http://www.travelfortoday.com/cartpic/cruise/btsmap.jpg
ผมต้องนั่งรถไฟฟ้าสายสุขุมวิทย์ไปเรื่อยๆ (สีเขียวอ่อน) โชคดีที่ไม่ต้องสลับเส้นทาง ค่าเสียหายในการเดินทางอยู่ที่ 42 บาทครับ นั่งมาเรื่อยๆ มองไปรอบๆ บรรยากาศกรุงเทพในเช้าวันอาทิตย์ไม่ได้วุ่นวายมากครับ คนยังดูน้อยๆอยู่ จนผมมาถึงสถานีนานาครับ
หลังจากนั้นรุ่นพี่ที่เป็นเจ้าของงาน (แกชื่อพี่แมค) แกเอารถมารับ เพื่อนั่งไปยังศูนย์ข้อมูล SBN ซึ่งเป็นที่ตั้งของอุปกรณ์แม่ข่าย (Server) ที่ต้องไปจัดการครับ
ระยะทางจาก BTS นานาไปบางพลีไกลมากๆครับ ขนาดขึ้นทางด่วนยังนั่งกันนานเลยครับ แต่ไม่เป็นไรฮะ ชิวๆ นั่งจนมาถึง SBN ครับ
บทความหลังจากนี้ผมจะเล่าไปเป็นตัวอักษรนะครับ เนื่องจากทาง SBN IDC ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ Checkin หรือกระทำการใดๆเพื่อระบุตำแหน่งของระบบเครือข่ายและสถานีเครือข่ายครับ
ตึก SBN จะผมไปทำงาน ตั้งอยู่ในพื้นที่บางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ชื่อเต็มๆของมันก็คือ “อาคารชุมสายโทรศัพท์ AIS ภาคกลาง” การตั้งอาควรจะตั้งอยู่ในป่าที่ต้องเข้าซอยไปพอสมควรครับ แต่ไม่ได้ลึกมาก เอาหล่ะ ผมจะเริ่มเล่าตั้งแต่เริ่มเข้าประตูมาเลยแล้วกันฮะ
ในตอนแรกที่คุณเอารถมาจอด SBN จะไม่คิดค่าจอดรถคุณครับ จะจองถึงเมื่อไหร่ก็ได้ ก่อนที่คุณจะเข้า Site งาน คุณจะต้องอีเมลแจ้งกับทาง NOC ให้รับรู้ก่อนพร้อมเปิดเคสให้คุณล่วงหน้าประมาณ 2 วันครับ คุณจะไม่สามารถเข้ามาบุ๊บปั๊บได้ครับ
หลังจากเข้ามาในตึก จะมี รปภ. นั่งเฝ้าอยู่หน้าทางขึ้นตึก จะคอยถามเรื่องเคสเรา พร้อมกับให้เราแลกบัตรที่เป็นบัตรเปิดประตูเข้าห้องศูนย์ข้อมูล และกุญแจตู้ (โดยกุญแจตู้ จะให้เฉพาะตู้ที่คุณขอเป็นเคสเท่านั้น) โดยถ้าคุณพอคนมาด้วย คุณจะต้องให้คนที่คุณมาด้วย ลงชื่อเข้า – ออกด้วย หลังจากนั้นก็จะขึ้นไปยังศูนย์ข้อมูลครับ โดยผมขึ้นมาถึง จะต้องผ่านประตู 2 ขั้นครับ (ใช้บัตรเดียวกันเปิดประตูได้)
ห้องจะถูกจัดเป็นโซนต่างๆชัดเจนครับ ตู้ Rank แต่ละตู้จะวางห่างกันตามมาตรฐาน การจัดระเบียบและดูแลถือว่าดีมากๆครับ เท่าที่เดินสำรวจดูตู้คนอื่นๆ ทุกตู้จะติดตั้ง Firewall ทุกตู้ครับ ส่วนใหญ่เครื่องในที่นี่ เป็นเครื่องบริการจัดการโทรศัพท์ของ AIS3G กับ AirNet ครับ เอาหละ เดินเล่นมาเยอะแหละ ต่อมาทำงานกันบ้างแหละ
ระหว่างทำงานก็ต้องมีการทดสอบสปีดกันหน่อย มาดูกัน ว่าจะเร็วขนาดไหน
ตัว Server ที่หลังจากทำงานเสร็จแล้ว ก็จัดเอาไว้เข้าที่ (ยอมรับว่า ครั้งนี้จะไม่ได้จัดระเบียบให้เรียบร้อย เพราะต้องมาเปลี่ยนเครื่องอยู่ดี)
หลังจากนั้น ก็ต้องแบก Dell Poweredge กลับมาด้วย เพราะต้องเอามาวางระบบใหม่ เตรียมที่จะไปแทนที่ของสำรองที่กำลังทำงานอยู่
หลังจากนั้นผมก็กลับมาที่สถานีรถไฟฟ้านานา เพื่อเริ่มเดินทางต่อ (ไม่รู้จะไปไหน งานเสร็จก่อน) โดยมี Dell Server เป็นเพื่อนร่วมทางที่หนักมากๆ 🙁
หลังจากนั้นรุ่นพี่ที่รู้จักก็พาออกมาทานข้าว ต้องขอขอบคุณพี่ทั้งสอง พี่โจ๊กและพี่เบียร์ ไว้ที่นี่ด้วยนะครับ หลังจากนั้นผมก็เดินทางกลับด้วยรถของ บขส. เหมือนเดิม ออกตอน 6 โมงเย็นเหมือนเดิมครับ ถึงภูเก็ตประมาณ 6 โมงเช้า อาบน้ำ แล้วก็ไปเรียนเลย